สุขภาพ

10 สมุนไพรไทย ประโยชน์และอันตรายที่ควรรู้ก่อนกิน

สมุนไพรเป็นยาที่ได้มาจากพืช ธาตุ สัตว์ ซึ่งสามารถเอาไปใช้เพื่อบำรุงร่างกายและก็รักษาโรค

โดยบางทีอาจอยู่ในลักษณะของของกินยาแผนโบราณ หรืออาหารเสริม ที่บางทีอาจสามารถช่วยทุเลาอาการอักเสบ ชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ เสริมสุขภาพหัวใจ บางทีอาจลดการเสี่ยงโรคมะเร็ง สมุนไพรแต่ละประเภทมีประโยชน์ วิธีการใช้ แล้วก็จำนวนสำหรับในการใช้ที่แตกต่าง ถ้าหากใช้อย่างไม่ถูกแนวทางหรือใช้ในจำนวนที่มาเหลือเกินบางทีอาจไม่ดีต่อสุขภาพได้

ประโยชน์ที่ได้รับมาจากสมุนไพร
สมุนไพรแต่ละประเภทมีคุณประโยชน์ที่แตกต่าง ทั้งยังบางทีอาจช่วยรักษาโรค ทุเลาอาการ หรือใช้สำหรับบำรุงร่างกาย สมุนไพรที่นิยมใช้ในครอบครัว ดังต่อไปนี้

ขมิ้นชัน เป็นเครื่องเทศที่เป็นแหล่งของเคอร์คูไม่น (Curcumin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยทุเลาอาการอักเสบ จากงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยในนิตยสาร Traditional and Complementary Medicine เนเธอร์แลนด์ ปี พุทธศักราช 2560 กล่าวว่า สารเคอร์คูไม่นอาจช่วยทุเลาลักษณะของการปวด ต้านทานการอักเสบ รวมทั้งการกินขมิ้นบางทีอาจช่วยคุ้มครองหรือชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
พริกแห้ง พริกสด พริกผง เป็นแหล่งแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งบางทีอาจช่วยเพิ่มการเผาไหม้ ทำให้การไหลเวียนของโลหิตดียิ่งขึ้น จากงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยในนิตยสาร Open Heart อังกฤษ ปี พุทธศักราช 2558 บอกว่า แคปไซซินบางทีอาจช่วยทำให้ปรุงสุขภาพหัวใจ รีบการเผาไหม้ และก็บางทีอาจช่วยลดไขมันท้อง ลดความต้องการของกินได้
อบเชย มีแคลอรี่ต่ำมากมาย บางทีอาจช่วยต้านทานการอักเสบจากสารอนุมูลอิสระและก็ช่วยต่อสู้กับแบคทีเรีย รวมทั้งจากงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยในนิตยสาร Pharmacognosy Research ปี พุทธศักราช 2558 บอกว่า อบเชย บางทีอาจช่วยลดปริมาณระดับน้ำตาลซึ่งอยู่ภายในเลือดในผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานหรือมีลักษณะท่าทางที่จะเป็นโรคนี้
กระวาน มีธาตุสูง เป็นต้นว่า แมกนีเซียม สังกะสี บางทีอาจช่วยทุเลาอาการท้องไส้ป่วนปั่น แล้วก็จากการศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยในนิตยสาร Lipids in Health and Disease อังกฤษ ปี พุทธศักราช 2560 บอกว่า กระวานมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายอย่าง ดังเช่น ฟีนอล (Phenol) เควอสิทิน (Quercetin) เรสเวอราคอยล (Resveratrol) ที่บางทีอาจช่วยต่อต้านการอักเสบ ท้องผูก ท้องเดิน อาการจุกเสียด โรคลมหวน โรคหัวใจรวมทั้งเส้นโลหิต
กระเทียม เป็นแหล่งของอัลลิสิน (Allicin) ที่บางทีอาจลดช่องทางกำเนิดโรคหัวใจ รวมทั้งจากงานศึกษาค้นคว้าวิจัยในนิตยสาร BMC Cardiovascular Disorders ปี พุทธศักราช2551 พบว่า การกินกระเทียมเสมอๆบางทีอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวมทั้งลดระดับความดันเลือด ซึ่งลดการเสี่ยงโรคหัวใจรวมทั้งเส้นโลหิต
ขิง บางทีอาจช่วยทุเลาอาการท้องอืดรวมทั้งทุเลาอาการอาเจียน จากงานศึกษาค้นคว้าวิจัยในนิตยสาร Gastroenterology Research and Practice ปี พุทธศักราช 2558 พบว่า ขิงอาจมีคุณลักษณะต้านทานการอักเสบและก็ต้านทานอนุมูลอิสระ แล้วก็บางทีอาจลดการเสี่ยงกำเนิดโรคมะเร็งได้
สะระแหน่ มีฤทธิ์เย็น มีคุณลักษณะต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ดีต่อร่างกายทางเดินอาหาร สุขภาพหัวใจ เส้นโลหิต แล้วก็ปอด โดยบางทีอาจช่วยขยายหลอดลมทำให้หายใจสบายขึ้นเมื่อดม นอกนั้น สะระแหน่ยังอาจมีฤทธิ์คลายกล้ามได้อีกด้วย
ผงยี่ร่า อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก บางทีอาจช่วยลดหุ่นได้ จากการศึกษาวิจัยที่ถูกเผยแพร่ในนิตยสารทางด้านการแพทย์ Evidence-Based Complementary and Alternative Medicine ปี พุทธศักราช 2562 แล้วก็ในนิตยสาร BMC Complementary Medicine and Therapies ปี พุทธศักราช2564 พบว่า ยี่ร่ามีฟีนอลิก (Phenolic) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความอ้วน ควบคุมคอเลสเตอรอล และก็จัดแจงความเคร่งเครียดได้
ว่านหางจระเข้ อาจมีฤทธ์ช่วยรีบรักษาแผล โดยยิ่งไปกว่านั้นแผลไฟเผาน้ำร้อนลวก จากการค้นคว้าในนิตยสาร Iranian Journal of Medical Sciences ปี พุทธศักราช 2562 พบว่า ว่านหางจระเข้สามารถรีบรักษาแผลไฟเผาได้ เมื่อเทียบกับยาทั่วๆไป ยิ่งไปกว่านี้ ยังช่วยคุ้มครองป้องกันรอยแดง อาการคัน แล้วก็การได้รับเชื้อ
ฟ้าทะลายมิจฉาชีพ อาจมีคุณลักษณะช่วยรักษาโรคหลายแบบ จากงานศึกษาค้นคว้าวิจัยในนิตยสาร Asian Pacific Journal of Tropical Disease ปี พุทธศักราช 2557 กล่าวว่า ฟ้าทะลายมิจฉาชีพมีสารไดเทอร์พีน (Diterpenes) สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) แซนโทน (Xanthones) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่บางทีอาจใช้รักษาโรคหลากหลายประเภท เป็นต้นว่า โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ภาวะความดันโลหิตสูง แผลในกระเพาะ โรคเรื้อน หลอดลมอักเสบ โรคผิวหนัง อาการท้องอืด จุกเสียด ไข้หวัดใหญ่
การเสี่ยงของสมุนไพร

สุขภาพ


สมุนไพรถ้าใช้ในจำนวนที่มาเกินความจำเป็นหรือใช้ไม่ถูกแนวทาง ก็อาจจะเป็นผลให้มีอันตรายต่อสุขภาพได้ ดังต่อไปนี้

พิษจากสมุนไพร
สมุนไพรหลายอย่างที่มีสารเคมีที่เป็นพิษรุนแรงที่ก่อให้เกิดอันตราย ถ้าใช้สมุนไพรอย่างไม่ถูกแนวทาง หรือได้รับในจำนวนที่มาเหลือเกิน ก็บางทีอาจไม่ดีต่อสุขภาพหรือเป็นผลใกล้กันตามมาได้ ตัวอย่างเช่น

ยี่โถ เคยมีข้อเสนอให้เอายี่โถไปต้มน้ำกินแก้โรคพิษสุราเรื้อรัง แต่ว่าเมื่อคนไข้กินไปแล้วทำให้มีลักษณะอาการปวดหัว อ้วก ท้องเดิน เจ็บท้อง แล้วก็ถ้าหากกินเยอะเกินไปยี่โถอาจมีฤทธิ์กดการเต้นของชีพจร ทำให้หัวใจเต้นช้าลงหรือบางทีอาจจะหยุดเต้นได้
มะเกลือ มีคุณประโยชน์สำหรับการถ่ายพยาธิ แต่ว่ามะเกลือแก่สีดำอาจมีสารแนพทาลีน (Naphthalene) ที่ทำให้เกิดโทษและส่งผลเสียรวมทั้งไม่ดีต่อระบบประสาทโดยตรง ทำให้มีลักษณะอาการอ้วก จับไข้ ท้องร่วง อาการตามัว ตามองมองไม่เห็นหรือตาบอดได้
ลำโพง ทำให้เกิดผลเสียและไม่ดีต่อระบบประสาทโดยตรง ถ้ากินมากจนเกินความจำเป็นอาจจะเป็นผลให้มีลักษณะอาการปากแห้ง หิวน้ำ ผิวหนังร้อนแดง ตาฟางมัว ตาไม่สู้แสงสว่าง จิตหลอน และก็บ้าคลั่ง
ว่านหางจระเข้ ส่งผลข้างๆน้อยเมื่อใช้ให้ถูกต้อง แม้กระนั้นถ้าหากกินว่านห่างไอ้เข้มากจนเกินความจำเป็นอาจส่งผลให้มีลักษณะเจ็บท้อง ท้องเดิน ด้วยความที่หางจระเข้มีฤทธิ์เป็นยาระบาย
กระเทียม การกินกระเปรียบเทียบดิบในจำนวนที่มาเหลือเกิน อาจจะก่อให้มีกลิ่นปาก เสียดท้อง มีก๊าซในกระเพาะ ท้องร่วง หรืออาจมีอาการแพ้ในบางบุคคล
ฟ้าทะลายมิจฉาชีพ ถ้าใช้ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน อาจจะเป็นผลให้แขนขามีลักษณะชา อ่อนล้า ในบางบุคคลอาจมีอาการไม่อยากอาหารเจ็บท้อง อาเจียน ท้องร่วง ตาลายหัว ใจสั่น และก็บางทีอาจกำเนิดผื่นคัน
ขิง การกินขิงมากเกินความจำเป็นอาจก่อให้เกิดผื่นที่ผิวหนัง มีก๊าซในกระเพาะ เสียดท้อง ท้องเดิน คันปาก แล้วก็บางทีอาจเพิ่มการเสี่ยงแท้งลูกในคนที่มีภาวการณ์เลือดไหลไม่ปกติ
สารเจือปนในสมุนไพร
จากการตรวจตราแบบอย่างสมุนไพรกว่า 100 ประเภท ของภาควิชาแพทยศาสตร์โรงหมอรามาหัวหน้า พบว่า มักมีการแปดเปื้อนของสารอันตรายต่างๆเป็นต้นว่า

สารหนู ราวๆ 60% ซึ่งเป็นสารที่อาจส่งผลให้มีลักษณะอาการซึ่งรู้สึกเจ็บคอ เจ็บท้อง ท้องเดิน ปวดแสบปวดร้อน เสียวซ่า มีผื่นสีดำเรียกตัวครึ้มขึ้น และก็บางทีอาจเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งได้มากขึ้น
สเตียรอยด์ (Steroid) ราวๆ 30% เป็นสารที่บางทีอาจช่วยบรเทาอาการโรคบางจำพวก ยกตัวอย่างเช่น โรคไขข้ออักเสบ โรคหืด แม้กระนั้นแม้ใช้เป็นระยะเวลาที่ยาวนานอาจจะทำให้มีลักษณะหน้าบวม ตัวบวม เป็นสิว ผิช้ำเลือดง่าย กระดูกผุ ฯลฯ
สารปรอท อาจจะก่อให้มีลักษณะเหงือกอักเสบ ฟันหลุด ปากเปื่อยยุ่ย น้ำลายหกมากมายเปลี่ยนไปจากปกติ และก็ไตวาย
ตะกั่ว อาจจะเป็นผลให้มีลักษณะกล้ามเหน็ดเหนื่อยจากปลายประสาทไม่ดีเหมือนปกติ เจ็บท้อง โลหิตจาง
ประ
สิทธิไม่พอต่อการดูแลและรักษาโรค
บางเวลาผู้เจ็บป่วยบางทีอาจเลือกกรรมวิธีการรักษาโรคด้วยยาสมุนไพร แทนการดูแลและรักษาด้วยหมอแผนปัจจุบัน แต่ว่าสมุนไพรบางทีอาจไม่สมรรถนะสำหรับเพื่อการรักษาโรค หรือทำเป็นเพียงควบคุมอาการโรคเพียงแค่นั้น การบริโภคสมุนไพรเพียงอย่างเดียวบางทีอาจเป็นโทษต่อร่างกาย เหตุเพราะคนเจ็บบางทีอาจหลงผิดว่าหายจากโรคแล้ว ก็เลยไม่กระทำรักษาต่อ แล้วก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอาการแย่ลงหรือภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้เป็นอันตรายได้

ข้อเสนอแนะสำหรับการใช้สมุนไพร
แม้ใช้สมุนไพรอย่างไม่ถูกแนวทางและไม่รอบคอบ อาจจะส่งผลให้ก่อให้เกิดอันตรายได้ โดยเหตุนี้ ควรต้องประพฤติตามข้อแนะนำสำหรับในการใช้สมุนไพร ดังต่อไปนี้

การดูแลรักษาด้วยยาสมุนไพรควรจะกระทำการรักษาโดยใช้ผู้ที่มีความชำนาญ เนื่องจากว่ายาสมุนไพรจะต้องใช้ในรูปทรงที่ถูก ถูกแนวทางรวมทั้งถูกโรค ถ้าหากใช้สมุนไพรอย่างไม่ถูกแนวทาง นอกเหนือจากที่จะไม่ช่วยทำให้หายจากลักษณะการป่วยแล้ว ยังอาจมีผลกระทบรุนแรงได้
ไม่สมควรรักษาโดยใช้สมุนไพรต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน เพราะเหตุว่าอาจมีสารตกค้างที่สะสมภายในร่างกายได้ และก็ถ้าเกิดรักษาด้วยการใช้สมุนไพรแล้วอาการแย่ลง หรือมีลักษณะใกล้กันจากการใช้สมุนไพร ควรจะเข้าหาแพทย์แผนปัจจุบันในทันทีเพื่อมองอาการรวมทั้งกระทำรักษาเพิ่ม
ไม่สมควรใช้สมุนไพรสำหรับเพื่อการรักษาโรคที่ยังมิได้รับการรับรองว่าสามารถใช้สมุนไพรรักษาได้ ดังเช่นว่า โรคบาดทะยัก เบาหวาน วัณโรค หมาบ้ากัด ถูกงูที่มีพิษกัด กระดูกหัก
คนที่มีปัญหาสุขภาพที่ก่อให้เกิดโรครุนแรง ไม่สมควรรักษาด้วยการใช้สมุนไพรแต่ว่าควรจะรีบไปพบแพทย์ในทันที โดยยิ่งไปกว่านั้นผู้เจ็บป่วยที่เป็นเด็กรวมทั้งสตรีมีท้อง ยกตัวอย่างเช่น สลบ ลักษณะของการปวดอย่างหนัก แท้งลูกจากช่องคลอด ท้องเสียอย่างหนักไข้สูง คลื่นไส้เป็นเลือด

อาหาร Previous post ทรงวาด : ความอร่อยที่สืบทอดจิตวิญญาณไชน่าทาวน์ฉบับพระนคร
สุขภาพ Next post “ฟันคุด” คืออะไร? เมื่อไรที่ต้องผ่าฟันคุด?